ชื่อสมุนไพร กระเจี๊ยบแดง
ชือวิทยาศาสตร์ Hibiscus sabdariffa L. ชื่อวงศ์ Malvaceae
ชื่ออื่น กระเจี๊ยบเปรี้ยว(ภาคกลาง), ผักเก็งเค็ง ส้มเก็งเค็ง(ภาคเหนือ),ส้มตะเรงเครง(ตาก) ส้มปู(แม่ฮ่องสอน), Jamaica sorrel, Indian sorrel, Roselle
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
กระเจี๊ยบแดงเป็นพืชปีเดียว
ต้น เป็นพุ่มขนาดเล็ก สูงประมาณ ๑-๒ เซนติเมตร ลำต้นและกิ่งก้านมีสีม่วงแดง
ใบ ก้านใบยาวประมาณ ๕ เซนติเมตร
ดอก เป็นดอกเดี่ยวสีชมพู ตรงกลางดอกมีสีเข้มกว่าส่วนนอก ออกดอกบริเวณง่ามใบ ก้านดอกสั้น กลีบ รองดอกมีลักษณะปลายแหลม ประมาณ ๘-๑๒ กลีบ กลีบเลี้ยงมีสีแดงเข้มแผ่ขยายติด กันออกหุ้ม เมล็ดไว้ เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ ๖ เซนติเมตร
ผล เป็นรูปรี ปลายแหลม ยาวประมาณ ๒.๕ เซนติเมตร หุ้มไว้ด้วยกลีบเลี้ยงสีแดง
ส่วนที่ใช้ทำยา
กระเจี๊ยบใช้ส่วนของดอก ในส่วนของกลีบเลี้ยงและริ้วประดับแห้ง ปลายกลีบเลี้ยงทั้ง ๕ รวบเข้าหากัน ยาว ๓-๔ เซ็นติเมตร ส่วนล่างมีรูกลม เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ ๕ เซ็นติเมตร สีแดงคล้ำถึงสีดำ มีกลิ่นเฉพาะ รสเปรี้ยว
สรรพคุณของแต่ละส่วนที่ใช้ทำยา
ตำราสรรพคุณยาไทยว่ากระเจี๊ยบมีรสเปรี้ยว ดอกมีสรรพคุณขับปัสสาวะ แก้ขัดเบา แก้เสมหะ ขับน้ำดี แก้ไอ แก้ทางเดินปัสสาวะอักเสบและขับเมือกมันในลำไส้รายงานการวิจัยปัจจุบัน
ข้อมูลการศึกษาวิจัยพรีคลินิกพบว่า กระเจี๊ยบมีฤทธิ์ลดความดันโลหิตลดไขมันในเลือดโดยลดการสร้างไขมันและเซลล์ไขมันลดการเกิดออกซิเดชันของแอลดีแอล และการเกิดโฟมเซลล์(foam cell)ซึ่งเป็นสาเหตุของการสะสมไขมันที่ผนังหลอดเลือดทำให้ลดการเกิดโรคท่อเลือดแดงแข็ง(atherosclerosis) ต้านออกซิเดชันและอนุมูลเสรีป้องกันตับจากสารพิษ ทำลายเซลล์มะเร็ง ต้านการกลายพันธุ์ การส่งเสริมการเกิดเนื้องอก (tumor promotion) และต้านการเกิดแผลในกระเพาะอาหาร
ข้อมูลการศึกษาวิจัยทางคลินิกพบว่า กระเจี๊ยบแดงมีฤทธิ์ขับปัสสาวะ และทำให้ผู้ป่วยมีปัสสาวะใสกว่าเดิมขับกรดยูริกทางปัสสาวะ เพิ่มการขับโซเดียมออกทางปัสสาวะ ลดการเกิดนิ่ว ลดความดันโลหิตและลดไขมันในเลือด
สารสำคัญ
องค์ประกอบทางเคมีของกระเจี๊ยบแดงประกอบด้วยสารกลุ่มแอนโทไซยานิน(anthocyanins) เช่น สารไซยานิดิน (cyanidin) เดลฟินิดิน (delphinidin) ซึ่งทำให้มีสีม่วงแดง กรดแอซีติก (acetic acid), กรดมาลิก (malic acid) กรดโพรโทแคทีชูอิก (protocatechuic acid) แคลเซียม วิตามินซี และวิตามินบี๓
แหล่งกำเนิด และกระจายพันธุ์
พืชชนิดนี้เป็นพันธุ์ไม้พื้นเมืองของทวีปแอฟริกานำเข้ามาปลูกในประเทศไทยนานแล้ว ปลูกได้ทั่วทุกภาคในต่างประเทศปลูกกันทั่วไปในเขตร้อนและเขตกึ่งร้อนทั่วโล
พื้นที่เหมาะสมในการปลูกในประเทศไทย
- ลักษณะพื้นที่่ เป็นพื้นที่ดอน น้ำไม่ท่วมขัง ระบายน้ำได้ดี
- ภาค ทุกภาคของประเทศไทย
- จังหวัด ลพบุรี สระบุรี นครสวรรค์ กาญจนบุรี อุตรดิตถ์ นครราชสีมา ชัยภูมิ ฯลฯ
การคัดเลือกพันธุ์ (พันธุ์ที่นิยมปลูกในประเทศไทย)
- พันธ์ุที่ใช้เป็นยา พันธ์ุพื้นเมืองทั่วไทย
- พันธุ์ที่่ใช้เป็นอาหาร พันธุ์ซูดาน หรือพันธุ์เกษตร เนื้อหนามีสีแดงเข้มจนถึงม่วง
การขยายพันธุ์
ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ด โดยเอาเมล็ดจากดอกแก่จัด มาตากแดด ๑-๒ วัน จนแห้งสนิท เก็บใสขวดโหลจนถึงฤดูเพาะปลูก นำออกมาปลูกได้เลย เพราะกระเจี๊ยบแดงไม่มีระยะฟักตัว
หน้าที่เข้าชม | 243,210 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 150,602 ครั้ง |
เปิดร้าน | 29 พ.ค. 2556 |
ร้านค้าอัพเดท | 29 ส.ค. 2568 |